โซ่พยาบาท ตอนที่10

  ที่หน้าว่าการอำเภอ
  "ทำไมภูไม่เคยบอกริน เรื่องภูเคยจดทะเบียนแล้ว"รินรดาเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน จนกระทั่งทั้งคู่มาถึงหน้าอำเภอ
   "ก็รินไม่เคยถามผมนี่"
   "แล้วมันคือใคร นังนั่นมันคือใครภู บอกรินมาสิ มันคือใคร"หญิงสาวเริ่มฟูมฟาย คะยั้นคะยอชายหนุ่ม พร้อมทั้งหยาดน้ำที่ไหลอย่างสุดกลั้น
   "รตียา"ชายหนุ่มตอบเลื่อนลอย
   "รินจะจด ยังไงรินก็จะจด"รินรดาเอ่ยขึ้นพร้อมปาดน้ำตา

    สองเดือนต่อมา ณ.บ้านเช่าแห่งหนึ่ง
    "ตื่นได้แล้ว มันกี่โมงแล้วย่ะ หาข้าวหาปลามาให้ชั้นซิ"
    "พี่คะ วันนี้รตีว่าจะไปหาหมอ"เธอเอ่ยกับนนนี่หรือนายนนท์ธวัช สาวประเภทสองเจ้าของบ้านเช่าที่ๆเธอมาขอพักพิง
    "อะไรย่ะ ตั้งแต่แกมาอยู่ที่นี่ แกได้ช่วยอะไรชั้นบ้าง งานแม่บ้านบ้าบออะไรที่แกทำอยู่หน่ะมันพอยาใส้ไหม ไปลาออกซะภายใน2-3วัน ถ้าแกขืนโยกโย้เรื่องงานบาร์ที่ชั้นหาให้อีก แกเตรียมเก็บกระเป๋าออกไปนอนข้างถนนเลยนะ"
    "เงินที่รตีช่วยค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ กับพี่นนนี่ ยังไม่พอที่จะให้รตีอยู่ที่นี่เหรอคะ"
    "ไม่พอย่ะ ถ้าแกคิดว่าอยากไปอยู่ที่อื่นก็เชิญ"
    รตียาก้มหน้ามองพื้นพาลน้ำตาหยด

    ที่โรงพยาบาล
    "ยินดีด้วยนะครับ ผลตรวจปรากฎว่าคุณตั้งครรภ์"หมออรรณพกล่าวกับหญิงสาว
    รตียาช็อคกับผลตรวจ ได้แต่นิ่ง อึ้ง เหม่อลอย
   "คุณรตียาครับๆ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"หมออรรณพเรียกเธอซ้ำๆ 
   "เอ่อ ไม่ๆ ไม่ค่ะ ดิชั้นไม่เป็นไรค่ะ" เธอตอบหมอพร้อมปาดน้ำตา
   "งั้นหมอ จะให้ยาบำรุงครรภ์ไปทานนะครับ แนะนำให้ฝากครรภ์เลยถ้าคุณสะดวก"

   ที่ลานจอดรถโรงพยาบาล
   "แม่คะ หนูอยากกลับบ้าน"รตียาต่อสายหามารดา พร้อมบอกความรู้สึกตัวเองอย่างอ่อนล้า
   "ทำไมหละลูก บ้านเรากำลังถูกยึด กลับมาแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนกัน"
   "เราย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดไกลๆดีไหมค่ะแม่ อยู่อย่างพอเพียง ก็น่าจะอยู่กันได้"
   "หนูเป็นอะไรรึเปล่าลูก บอกแม่ซิ"
   "ไม่ค่ะหนูแค่เบื่อที่นี่ คิดถึงแม่ อยากกลับบ้านค่ะ"เธอพยายามกลืนความรู้สึกที่อัดอั้นปานจะทะลักออกจากอกลงคออย่างยากเย็น
   "จ๊ะรตี เราจะไปด้วยกัน ทุกที่ ต่อไปเราจะไม่จากกันไปไหน กลับมาหาแม่นะลูกนะ"มารดาเอ่ยกับลูกสาวคนเดียวอย่างปลอบโยน พร้อมปาดน้ำตา
   "ค่ะแม่ หนูรักแม่นะคะ"เธอวางสายจากมารดา พร้อมล้วงกระเป๋านำธนบัตรก้อนสุดท้ายออกมานับได้สามหมื่น เธอกำไว้แน่นมองธนบัตรในมืออย่างมีความหวัง แล้วนำใส่กระเป๋าเก็บใส่ตามเดิม เตรียมจะลุกจากฟุตบาทในลานจอดรถ
   หมออรรณพนั่งฟังรตียาอยู่ในรถยนต์ส่วนตัวที่จอดนิ่งในลานจอดรถโรงพยาบาล
   "คุณรตียาครับ"หมออรรณพเรียกหญิงสาวพร้อมเปิดประตูรถ
   "คุณหมออรรณพ มีอะไรหรือคะ"
   "ขึ้นรถก่อนเถอะ ไปไหนเดี๋ยวหมอไปส่ง"
   "เอ่อคือว่า"เธอลังเลที่จะต้องไปกับคนที่เพิ่งรู้จัก
   "ขึ้นเถอะครับ หมอรับรองด้วยเกียรติว่าหมอไม่มีจุดประสงค์ร้ายกับคุณ"
   "ค่ะ"พร้อมรับคำเชิญ
   ภายในรถ
   "คุณรตียาหิวรึเปล่าครับ ทานอะไรรึยัง"
   "ไม่หิวค่ะ ทานแล้ว"เธอตอบหมอหนุ่ม แต่ท้องเจ้ากรรมดันทรยศคำรามอย่างไม่ไว้หน้าเธอสักนิด
   "หมอพาแวะร้านอาหารดีกว่า ผมว่าเด็กในท้องคุณน่าจะหิว"หมอหนุ่มเอ่ยอย่างไม่อยากให้เธอรู้สึกอาย
    ภายในร้านอาหาร
    "สั่งอะไรดีครับ"หมออรรณพยื่นเมนูให้
    "ข้าวผ้ดก็ได้ค่ะ"
    "ข้าวผัดปูทานได้ไหมครับ ที่นี่อร่อยมาก หมอขอการันตี"
     "ได้ค่ะ คุณหมอ"
     "ข้าวผัดปู2ที่ ต้มยำทะเลรสไม่จัด1 แล้วก็หมูแดดเดียว1"หมอหนุ่มสั่งบริกร
     หลังจากทานอาหารเสร็จ
     "ขอโทษนะครับอย่าว่าหมอละลาบละล้วงเลย ทำไมคุณถึงมาโรงพยาบาลคนเดียวครับ แล้วสามีหรือญาติคุณหละ ทำไมไม่ให้พามา"
     "ดิชั้นไม่มีสามีค่ะ"
     "อ้าวแล้ว"หมอหนุ่มหยุดคำถามไว้ในใจ
     "อ๋อ เด็กในท้อง ก็แค่ผลกรรมของผู้หญิงใจง่ายกับผู้ชายมักมากหน่ะคะ"
     "ขอถามอีกสักเรื่อง พอดีหมอได้ยินคุณคุยโทรศัพท์เรื่องจะกลับบ้าน หมอขอโทษจริงๆนะครับ ไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง"
     "ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ดิชั้นไปนั่งข้างรถคุณหมอเอง ไม่ผิดที่หมอจะได้ยิน ค่ะดิชั้นจะกลับบ้านไปอยู่กับแม่"
      "มีอะไรให้หมอช่วยก็บอกได้นะครับ"หมอหนุ่มกล่าวอย่างมีความหวัง
      "คะ"หญิงสาวแปลกใจในความปราถนาดี เพราะประสบการณ์จากที่ผ่านมา
      "หมอหวังดีจริงๆ อย่างเรื่องที่อยู่ ที่ทำกิน หมอมีอยู่ทางภาคอีสานหลายจังหว้ด ทั้งโคราช อุดร หนองคาย หมอรับขายฝากไว้หลายแปลงเลย ถ้าคุณสนใจหมอจะจัดการให้ ยิ่งถ้าแปลงที่โคราชมีบ้านพร้อมอยู่เลย"
     "คุณหมอพูดจริงเหรอคะ"เธอถามเพราะยังลังเลที่คนเพิ่งรู้จักแต่กลับจะยื่นความช่วยเหลือที่ไม่น่าจะให้กันได้ง่ายๆถ้าไม่ใช่ญาติหรือสามี-ภรรยา
      "พูดจริงสิ หมออยากช่วยจริงๆ"เขาบอกพร้อมส่งสายตาแห่งความห่วงใยให้
      "ถ้าได้จริงๆ ก็ดีสิคะ"เธอพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมแววตาแห่งความหวัง
      "อาทิตย์หน้าหมอต้องไปดูโรงพยาบาลที่ต้องย้ายไปภายในอีก6เดือนข้างหน้า ถ้าพร้อมเราจะไปกันเลยดีไหม คุณก็โทรบอกแม่ให้เตรียมตัวรอเลย"
      "ค่ะ คุณหมอ"เธอรับคำพร้อมมโนภาพอนาคตที่เริ่มเห็นแสงรำไรๆที่ปลายอุโมงค์