โซ่พยาบาทตอน1

        ณ.ริมชายหาดป่าตอง หญิงสาวหน้าตาคมเข้มนั่งเหม่อมองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอย่างเลื่อนลอย ในใจได้แต่คิดวนไปวนมา แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งจากภวังค์เมื่อเสียงมือถือรุ่นรัดด้วยหนังยางดังขึ้น             
       "เบอร์แม่"ในใจคิดพะวง จะตอบไปยังไงดี
       "จ้าแม่" รตียารับสาย
       "ได้โอนเงินมาให้แม่รึยัง สิ้นเดือนแล้วนะ"เสียงมารดาดังมาตามสาย
       "น่าจะวันพรุ่งนี้บ่ายๆนะแม่"รตียาตอบแต่ในใจกลับปวดร้าวที่ต้องโกหกมารดา
       "ทำไมหละลูก ทุกเดือนก็ต้องส่งมาแล้ว"
       "เจ้านายขอเลื่อนจ่ายหนะคะแม่"รตียากล่าวพร้อมน้ำใสๆที่หยดลงอาบแก้ม
       "แล้วทานข้าวรึยัง รักษาสุขภาพบ้างนะลูก อยู่ไกลบ้าน ป่วยมาจะลำบาก"มารดาเตือนรตียา น้ำเสียงห่วงใย
        "ค่ะ" แม่ หนูทานแล้ว ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ"รตียาโกหกอีก
        "แค่นี้นะคะ พรุ่งนี้โอนแล้วจะโทรบอกนะคะแม่"เธอรีบตัดบท
        "จ้าลูก แม่คิดถึงหนูนะ"มารดากล่าวพร้อมวางสาย
       จะหาเงินจากที่ไหนดีนะ ในช่วงตกงานอย่างนี้ จะหาเงินจากที่ไหนได้ภายในคืนเดียว รตียาครุ่นคิด.
        เมื่อสองปีก่อนหน้าที่รตียาต้องระหกระเหิน มาทำงานอยู่ภูเก็ต รตียาและมารดาได้ลงทุนเปิดบริษัท ร่วมกับเพื่อนสนิทมารดา แต่ด้วยความใหม่ในวงการธุรกิจ ทำให้ไม่รู้กลโกงเพื่อนมารดา ที่ต้องการเขี่ยเธอให้พ้นทาง ทำให้เธอต้องมาแบกรับหนี้อีกนับล้าน
        แล้วตอนนี้เธอต้องลำบากอีกครั้ง เมื่อนายจ้างที่เธอมาทำงานด้วย"เสียชีวิต" เธอต้องขายทุกอย่างที่มีติดตัวเพื่อประทังชีวิต
         "ไม่ได้!เราจะมานั่งโง่ๆริมทะเล อย่างนี้เหรอไม่ได้!ไม่ได้อีกแล้ว"รตียารำพึงกับตัวเอง
          เธอเดินเข้าไปในซอยที่คราคร่ำไปด้วยหญิง ชาย ทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งเสียงดนตรีที่ดังจนแก้วหูจะแตก ทั้งเหล้า ทั้งบุหรี่ จนเธอยากถอยหลังกลับ แต่อีกใจก็ไม่ถอย
         
         ภูมินทร์ วิชญทักษินา เพลย์บอยหนุ่มหล่อ หน้าคมเข้มวัยย่าง30ปี นักธุรกิจชื่อดังแห่งเมืองใต้ เขาจับธุรกิจอะไรก็ประสบความสำเร็จ รวมถึงธุรกิจมืดในซอยดังแห่งนี้ ผับที่เขาเพิ่งเปิดตัวได้แค่สองเดือน แต่กลับมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ต้องรับสมัคร      
                  "พนักงานPRจำนวนมาก"
      ณ.ผับหรูกลางซอยวอคกิ้งสตีท
     "เฮ้ย ภู วันนี้ นายจะหิ้วคนไหนดีวะ มีแต่แจ่มๆทั้งนั้นเลย" นพพงษ์เพื่อนสนิทเอ่ยถามภูมินทร์
     "ไอ้นพ ถึงเราจะเป็นเพลย์บอย แต่เราไม่กินไก่วัดหรอกเว้ย" ภูมินทร์กล่าวพร้อมกระดกเหล้าในแก้วรวดเดียวหมด
      "เบาๆหน่อยภู เดี๋ยวเมาก่อนผับปิดนะ"นพพงษ์ปราม
      "เราคอมหาลัยแล้วนพ ไม่ใช่นายคออนุบาล" ภูมินทร์เย้าเพื่อน
      "แล้วเมื่อไหร่ นายจะหาคนดูแลสักทีวะ จะ30อยู่แล้ว น่าจะให้พ่อนายดูๆให้ได้แล้ว" นพพงษ์เอ่ย
      "ไม่! มีเมียเหรอ เรายังไม่อยากติดคุก นายก็รู้นิสัยเราดี ถ้าจะมีจริงๆ ไม่ต้องหาหรอก เดี๋ยวก็มาเอง"ภูมินทร์พูดตามความรู้สึก
        ในขณะที่ดนตรีกำลังเล่นอย่างสนุกสนาน ภูมินทร์ กำลังเริ่มเมาได้ที่ ปล่อยอารมณ์กับเสียงเพลงเต็มที่
        "นายหัว นายหัว มีผู้หญิงมาหางานครับ"พนักงานวิ่งมาเรียกภูมินทร์
       "อะไร มาสมัครงานตอน5ทุ่ม เนี่ยนะ"ภูมินทร์หัวเสีย
        "ขัดจังหวะ คนกำลังสนุก พาไปรอชั้นบน เดี๋ยวตามไป"ภูมินทร์บอกพนักงานอย่างหัวเสีย
         เมื่อภูมินทร์มาถึงห้องรับรองพนักงาน                 "ไง แม่คุณ มาสมัครงานตอนห้าทุ่ม ทำไมไม่มาตอนผับเลิกซะเลยหละ"ภูมินทร์เหน็บแนมหลังจากเปิดประตูนั่งลงตรงหน้า
        "คือว่า"รตียากำลังจะเอ่ย
        "ผมยังไม่อนุญาติ ให้คุณพูด"ภูมินทร์ตะคอกพร้อมมองหน้า แต่เมื่อเห็นหน้ารตียาตรงๆ กลับทำให้ภูมินทร์เสียงอ่อนลง จะด้วยเพราะเหตุใด ภูมินทร์ก็ไม่เข้าใจตัวเอง ว่าเขาสงสารแววตาคู่นี้ หรือเขากำลังหวั่นไหว
     "มาสมัครตำแหน่งอะไร ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่"เขาเอ่ยถามเสียงอ่อนลง
     "มีตำแหน่งอะไรบ้างคะ"รตียามองหน้าเขาอย่างหวาดๆก่อนเอ่ยถาม
     "ชื่อ รตียา อายุ25ค่ะ"เธอตอบ
     "ก็หน้าร้านก็บอกไว้นี่ว่ารับแต่PR"เขามองรตียา อย่างชั่งใจ "หรือจะไม่รู้จริงๆ"ภูมินทร์คิด
     "PRต้องทำเกี่ยวกับอะไรบ้างคะ"รตียาถาม
     "ผสมเหล้าเป็นรึเปล่า"ภูมินทร์ถามพลางยื่นเอกสารให้กรอก
     "ไม่เป็นคะ แต่ดิชั้นฝึกได้ค่ะ"รตียากล่าวพร้อมรับเอกสารมากรอก
     "เดี๋ยวผมจะฝึกให้คุณเอง"ภูมินทร์เสนอตัว แต่ในใจกลับคิดทางอกุศล "อยากรู้จริงๆ จะมาไม้ไหน ผู้หญิงมาอยู่ซอยนี้ ชงเหล้าไม่เป็นเชอะ"
     "เริ่มงานได้เลยไหมคะ"รตียาอยากเริ่มงาน ด้วยหวังว่าจะขอเบิกเงินล่วงหน้าส่งให้มารดา
     "เงินเดือนเท่าไรคะ"เธอถาม
     "ไม่ต่ำกว่าสามหมื่น แล้วแต่ความสามารถ"เขาตอบ
      รตียาดีใจจนออกนอกหน้า"ขั้นต่ำสามหมื่น ที่ทำงานเดิมต้องทำตั้งเกือบสามเดือน โชคเข้าข้างแกแล้วรตียา"เธอมโนจนออกทางแววตา
       "ดิชั้น อยากขอเบิกเงินล่วงหน้าได้ไหมคะ"เธอถามภูมินทร์
       "นัานไง มาไม้นี้เลยเรอะ"ภูมินทร์คิดอกุศลอีก
       "จะเบิกเท่าไร แล้วรู้ใช่ไหม ว่าเบิกล่วงหน้าอย่างนี้ ต้องทำอะไรบ้าง"ภูมินทร์เริ่มวางแผนการ แก้เผ็ดหญิงสาว เพราะเข้าใจรตียาในทางลบ
       "5000ค่ะ ขอให้ได้เงิน จะให้ดิชั้นทำอะไรบ้าง ก็สั่งได้เลยคะบอส"รตียาตอบเพราะในใจ ไม่คิดอะไรนอกจากงานแลกเงิน
       "อ่ะ10000บาท แล้วไปกับผมๆจะสอนผสมเหล้า คืนนี้คุณน่าจะได้ผสมทั้งคืน"ภูมินทร์ยื่นเงินให้พร้อมแววตาเจ้าเล่ห์
         ในผับตอนเที่ยงคืน นพพงษ์ ภูมินทร์ นั่งดื่มกันต่ออย่างสนุกสนาน ในขณะที่รตียาทำหน้าที่พนักงานเสริฟ
         "มานี่สิรตียา ผมบอกคุณแล้วไง แก้วผมไม่ผสมน้ำ"ภูมินทร์ตะคอกใส่รตียา
         "ขออภัยคะบอส เดี๋ยวดิชั้นผสมแก้วใหม่ให้ค่ะ"รตียาลนลาน หาแก้วใบใหม่จ้าละหวั่น
         "ไม่ต้อง ไปเรียกพนักงานPR มาให้ผม"เขาสั่ง
          "ค่ะ"รตียารับคำสั่ง
          "เฮ้ย ไหนว่าไม่กินไก่วัดไง"นพพงษ์แซว
          "ไอ้บ้า เราจะให้มาสอนงาน เด็กใหม่"ภูมินทร์อธิบาย
           "น้องเมื่อกี้เนี่ยนะ เด็กใหม่ น่าสนหว่ะ"นพพงษ์ท่าทีสนใจรตียา
           "ถ้านายคิดว่าเอาก้อนกรวดมาห้อยคอ แล้วมันสวยเหมือนเพรช ก็แล้วแต่นาย"ภูมินทร์พูดเปรียบเปรย
           "ทำไมต้องดูถูกน้องเค้าขนาดนั้นภู"นพพงษ์ตำหนิ
           ก่อนผับปิดภูมินทร์อยู่ในอาการเมามาย นพพงษ์ ต้องช่วยพยุงไว้ตลอดเวลา
           "โถพ่อคอมหาลัย หมดสภาพยิ่งกว่าเด็กอนุบาลอีก"นพพงษ์กระเซ้า
           "พอ พอ นายกลับไปได้ละ ผับจะปิดแล้ว"ภูมินทร์บอกเพื่อนน้ำเสียงอ้อแอ้
          "อ้าว แล้วนายจะกลับเลยไหมวะ"นพพงษ์ถาม
          "ไม่เราจะเรียกประชุมพนักงาน"ภูมินทร์บอกแต่สายตาชำเลืองมองรตียาแววตาเหมือนเสือจ้องตะครุบเหยื่อ
           นพพงษ์ยังถามต่อให้แน่ใจ
          "จริงดิ ไหวเหรอวะ                                             "เออน่า ไปกลับไป"ภูมินทร์ไล่เพื่อน
          "แน่นะ งั้นกลับละ"นพพงษ์ขอตัว                        ตีสองครึ่งหลังผับปิด
         "รีบๆ เก็บกวาดให้เรียบร้อย จะได้แยกย้ายกันไปพักผ่อน"ภูมินทร์ตะโกนสั่งพนักงาน
         "ส่วนคุณ วันนี้ผมต้องทดลองงาน ว่าผ่านโปรไหม อย่าเพิ่งกลับ"ภูมินทร์เดินเข้าใกล้หญิงสาวพลางกระซิบใกล้หู
        "ร้านปิดแล้วนี่คะบอส มีอะไรให้ทำอีกเหรอคะ"รตียาถามอย่างแปลกใจ
        "ผมสั่งให้คุณอยู่ คุณก็ต้องอยู่"ภูมินทร์ขี้นเสียงใส่อย่างวางอำนาจ
        "ค่ะบอส"รตียาก้มหัว มือกุมต่ำ รับคำสั่ง
        "บอสคะ ไม่สนใจรับสาวๆ ไปช่วยดูแล สักคน สองคนหรือคะ"PRสาวสวยนางหนึ่งเดินเข้ามาถามพลางลูบคลำภูมินทร์
       "คืนนี้ผมไม่ว่าง"พลางชำเลืองมองรตียา
       "ถ้าผมว่าง จะคิดถึงคุณ เป็นคนแรกเลย"ว่าพลางลูบที่ขาอ่อนPRสาวสวย
         รตียาชำเลืองมองภูมินทร์กับPRสาวนิดนึงก่อนหันหลังเดินไปช่วยพนักงานคนอื่น                         "ขับรถเป็นไหม"ภูมินทร์เดินเซเข้ามาหารตียา ในขณะที่เธอเก็บเก้าอี้ตัวสุดท้ายเสร็จ พนักงานคนอื่นได้ทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว
        "ขับไปไหนค่ะ"รตียาถามงงๆ
        "เท่าที่ผมจำได้ ผมถามคุณว่าขับเป็นไหมนะ"เขาย้อนเธออย่างยียวน
        "เป็นค่ะ"เธอตอบ พลางคิด"อีตาบ้า กวนประสาทชะมัด"
        "ไปบ้านผม"พูดพร้อมยื่นกุญแจรถให้ ก่อนเดินนำหน้าไปรอที่รถ
        "ไปทำไมคะบอส เดี๋ยวคะบอส เดี๋ยวคะ"เธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไป
   เมื่อเธอตามมาถึงรถ
       "หุบปาก ไม่ต้องถามอะไรมาก ผมให้ขับไปบ้านผม ก็ขับ"เขาออกคำสั่ง
     บรรยากาศภายในรถ"ช่างน่าอึดอัดเสียจริง"รตียารำพึง
      "พอถึงแยกหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายนะ"
      "ค่ะ เลี้ยวนี่ใช่ไหม"รตียาชี้เข้าในซอย
      "บอสคะบอส"
      "อ้าวหลับ ทำไงต่อหละ"เธอรำพึงพร้อมมองหาบ้านที่น่าจะใช่บ้านของเขา
      โชคดีที่บ้านมีแค่ไม่กี่หลัง เธอขับไปเจอป้าย"วิชญทักษิณา"เธอมั่นใจ เธอเห็นนามบัตรในรถ "ภูมินทร์ วิชญทักษิณา"
        มีเด็กวิ่งออกมาเปิดประตูเหมือนรู้เวลา  หลังจากนำรถเข้าจอดเรียบร้อย
       "ฝากดูแลบอสนะคะ พอดีบอสขับรถกลับมาไม่ไหว เลยวานให้ขับมาส่งคะ"รตียาอธิบาย
        "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิชั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ"รตียารีบขอตัว
         "แล้วคุณจะกลับยังไงคะ มีรถแล้วรึยังคะ"สาวใช้เอ่ยถาม
          ขณะเดียวกันนายหัวภูชิต วิชญทักษินา ผู้เป็นบิดาของภูมินทร์ เดินออกมาพร้อมสั่ง
          "รอสักครู่ เดี๋ยวจะให้คนขับรถไปส่ง"
          "ขอบคุณคะ"รตียารีบยกมือไหว้

ไม่มีความคิดเห็น: